ความสำคัญของป่าไม้
ด้วยความสำคัญของป่าไม้ที่มีส่วนสำคัญต่อการรักษาความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ
และการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ
 
เป็นต้นทางของต้นน้ำลำธาร เป็นแหล่งผลิตปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ ซึ่งสัมพันธ์และเชื่อมโยงโดยตรงต่อ “ความมั่นคงทางอาหาร”
ของประชากรโลก หากป่าไม้สูญเสียความสมดุล ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อแหล่งทรัพยากรอาหาร อันส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในที่สุด
 
    บริษัทฯ มีความตระหนักถึง การบริหารการจัดการและการกำกับการดูแลธุรกิจ ให้ได้เติบโตควบคู่กันไปกับ ความสมดุลตามธรรมชาติและ สังคม ตลอดจนชุมชน อยู่ด้วยกันอย่างเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง และคำนึงถึงเสมอว่าการที่มีองค์ประกอบเหล่านี้ ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุลแล้ว จะเป็นความยั่งยืนของประเทศชาติได้อย่างถาวรนั่นเอง บริษัทจึงได้ริเริ่ม ทำการศึกษาประโยชน์จากแนวคิดตามพระกระแสโครงการในพระราชดำริ และจึงสืบสานพระราชปณิธาน ตามรอยพ่อของแผ่นดิน ของพ่อหลวงในรัชกาลที่ 9 นี้ ที่ได้รับการสืบทอดในโครงการโดยในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ได้เป็นแบบอย่าง ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเป็นอย่างดี
 
โดยได้อาศัยหลักตามศาสตร์ ของพระราชาที่ว่า การทำเพื่อ พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็น เริ่มที่ตัวเราเอง ก่อน ต่อเมื่อมีเหลือแล้วจึงขยายต่อไป แบ่งเป็นขั้นพื้นฐาน 4 ขั้น และขั้นก้าวหน้าอีก 5 ขั้น รวมเป็นแนวคิด บันได 9 ขั้นสู่ความยั่งยืนตามศาสตร์ของพระราชา
บันไดขั้น 1 พอกิน
พื้นฐานที่สุดของมนุษย์ คือ ทั้งข้าว ปลา พืชผัก ได้จาก ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง และนาอินทรีย์
 
บันไดขั้น 2  พอใช้ 
เครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ ทำฟืน ทำของใช้ต่าง ๆ ได้จาก ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง
 
บันไดขั้น 3  พออยู่่
ปลูกที่อยู่ บ้าน รั้ว ฯลฯ ได้จาก ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง
 

บันไดขั้น 4 พอร่มเย็น
ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ ได้จาก ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง

บันไดขั้น 5 บุญ
เมื่อมีเหลือ จึงนำไปทำบุญ ทำทาน แบ่งปัน และความกตัญญู
 
บันไดขั้น 6  ทาน
มีเหลือกิน เหลือใช้ ก็บริจาคหรือแบ่งปัน ผู้ไม่มีด้วยของที่เรามี
 
บันไดขั้น 7  เก็บ
ป็นรากฐานยามวิกฤติ ใช้เคล็ดลับวิชา ภูมิปัญญา เช่น เก็บข้าวในยุ้งฉาง เก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อฤดูกาลหน้า ถนอมอาหารไว้กินในยามขาดแคลนได้อีกด้วย
 
บันไดขั้น 8 ขาย 
ขายจากสิ่งที่เราทำเหลือ เพื่อมอบสิ่งที่เป็นประโยชน์ไปต่อยังผู้อื่น มั่งคั่ง ยั่งยืน ค้าขายได้ร่ำรวย
 
บันไดขั้น 9 ข่าย
เชื่อมโยงเครือข่ายทั้งประเทศ เป็นกองกำลังเพื่อแบ่งปันความรู้ ลงแรงช่วยเหลือกัน
จึงได้ริเริ่มจัดทำโครงการขึ้นมาชื่อว่า
“The Nature Point”
โดยได้แบ่งพื้นที่เพื่อโครงการกว่า 150 ไร่  เน้นการเริ่มต้นที่บริษัทฯ เองก่อน เพื่อความยั่งยืน โดยแบ่งพื้นที่จัดทำต้นแบบโครงการ โคก หนอง นา ด้วยการเริ่มต้นจากบริษัทเองก่อนอีกด้วย โดยจัดสรรการบริหารพื้นที่ทำประโยชน์เป็นส่วนต่างๆ 


ส่วนที่ 3 จำนวน 41 ไร่ จัดทำ เพาะปลูกสวนผลไม้ เพื่อการบริโภค และจำหน่ายให้กับบุคลากรของบริษัทเป็นสวัสดิการ และแบ่งปันกับชุมชนรอบข้าง  และจัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาพันธุ์ไม้เศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศไทย 28 ชนิด และจัดทำคลองไส้ไก่

 

 
ส่วนที่ 4 จำนวน 33 ไร่ จัดทำ “โคกหนองนา โมเดล” และคลองไส้ไก่ เพื่อ “ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” ตามแนว ทางพระราชดำริ ปลูกพืช ผัก สวนครัว ทำให้พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน ปลูกป่า 3 อย่าง ได้แก่

1.  ไม้ใช้สอย คือ สำหรับใช้ในครัวเรือน เช่น ไม้ฝืน, ไม้ไผ่
2.  ไม้กินได้ ต้นหว้า, สะเดา, ซิลเวอร์โอ๊ค, มะม่วง, กล้วย, มะนาว, บลูเบอร์รี่, ถั่วฝักยาว, ผักบุ้ง, บวบ, แตงกวา, แตงไท, พริก, ข้าวโพด
3.  ไม้เศรษฐกิจ ไม้ที่ปลูกเพื่อจำหน่าย เช่น ไม้สัก, สักทอง, แดง, มะค่าโมง, มะฮอกกานี, พยุงไทย, ชิงชัน

ส่วนประโยชน์ 4 อย่าง คือ
          การสร้างสมดุลของระบบนิเวศน์ ตามธรรมชาติ เพื่อเป็นการเริ่มต้นจากตัวเราเอง และการเป็นแบบอย่างต่อไปที่ดีได้ในนาคตกับสังคมรอบด้าน  โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่อยู่กับชาวบ้านโดยให้ชุมชนรอบข้าง ให้ได้มีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาชุมชนน่าอยู่ให้เป็นของตัวเอง ได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างระบบนิเวศที่สมดุลให้ชุมชนอีกด้วย จึงได้มีดำริออกมาเป็นนโยบายให้จัดทำโครงการต่างๆ ประกอบคือ

1. จัดทำโครงการปลูกป่า และจัดทำโครงการ โคก หนอง นา

2. สร้างศูนย์การเรียนรู้ เพื่อให้ได้ประโยชน์ กับประชาชนที่อยู่ในสังคมรอบด้าน เพื่อให้มีความรู้ และสามารถไปต่อยอดได้เองเพื่อให้เกิดภูมิในสังคม จนการที่สามารถที่จะพึ่งพาตนเองตามกระแสพระราชดำรัส โครงการเศรษฐกิจพอเพียง ได้เองอีกด้วย

3. ให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมกับโครงการต่างๆ ของเรา ให้เกิดความร่วมมือ ร่วมใจระหว่างกัน สร้างต้นแบบ และส่งเสริมให้จัดทำ และจัดหาให้เข้าถึงโครงการได้

4. ส่งเสริม พัฒนา และช่วยให้ประชากรในสังคม ได้มีงานทำ สร้างงานและ รายได้ โดยไม่ต้องพึ่งพิง หรือรอ การช่วยเหลือจากภาครัฐ  ให้เขาได้มีอยู่ มีกิน ชุมชนผาสุขได้

 
จากริเริ่ม จัดทำโครงการดังกล่าวแล้ว จะยังนำมาซึ่ง ความพอมี พอกิน พอใช้ ร่มเย็น แบ่งปันและจำหน่าย เพื่อความยั่งยืน ดั่งคำว่า Forest of Life โดยมีเป้าหมายอยู่กับชาวบ้านโดยให้ชุมชนรอบข้าง มีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาชุมชนน่าอยู่ให้เป็นของตัวเอง ได้อย่างมั่นคง และยั่งยืนต่อไป
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้